เหมือนตายทั้งเป็น! หนุ่มซื้อบริการสาวหน้าตาดี “อาบอบนวด” แต่พอขึ้นสวรรค์เสร็จ เธอกลับพ


วันนี้ทางทีมงานได้นำเรื่องราวอุทาหรณ์สอนใจ สำหรับหนุ่มๆที่ชอบใช้บริการทางเพศ ชอบท่องราตรีไปวันๆ หากคิดแต่ว่าเป็นผู้ชายลัลล้าทำไรได้หมด จะซั่ม กับสาวไหนก็ได้ อันนี้มันก็ถูกนะ แต่อย่าลืมไปว่าสมัยนี้ถุงยางก็ไม่ได้ป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์สักเท่าไหร่ ผิดพลาดมา โรคร้าย ตามหาเลยทีเดียว และหากใครที่มีครอบครัวก็อาจนำโรคนั้นมาสู่ภรรยาของตัวเองด้วยซ้ำ ลองมาฟังเรื่องราวจากปากสาวอาบอบนวดกันเลยดีกว่า นี่คือเรื่องจริงจากปากของเธอ..

#‎จากสาวอาบอบนวดคนหนึ่งที่ได้บอกเล่า‬

นี่คือ เรื่องจริงที่ต้องเปิดเผย

ดิฉันทำงานอาบ อบ นวดแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี่ค่ะ ปัจจุบันอายุ 30 เศษแล้ว เมื่อ 10 กว่าปีก่อนค่าตัวจริงๆ ได้ต่อหัวๆ ละ 300 กว่าบาท ถึง500 บาท เชื่อมั้ยคะ ต้องอาบน้ำให้แขก โดนทั้งเลียของผู้ชาย โดนประตูหน้า ประตู หลัง เพื่อแลกกับเงินแค่นี้จริงๆ ค่ะ ด้วยการคัดเลือกดิฉันได้เบอร์ตอง ซึ่งต้องรับงานมากกว่ารายอื่นๆ อีกทั้งรูปร่างหน้าตาขณะนั้นสวย ไม่ แพ้ ใครค่ะ เวลาเดินถนนมีชายหนุ่ม ชายแก่ หญิงสาว มองเหลียวหลัง ไม่ได้แต่งตัวหวือหวานะคะ แต่งกายเรียบ ๆ แต่หน้าอกค่อนข้างชันและใหญ่


ใครจะคิดล่ะคะว่าทำให้ผู้ชายทั้งคนได้เงินเพียงแค่นั้นต่อหัว วันหนึ่งรับงานไม่ต่ำกว่า 5 คนขึ้นไป เริ่มงานบ่ายโมง เลิกงานประมาณ 5 ทุ่มหนึ่งเดือนหยุดประมาณ 4-5 วัน แล้วแต่เลขท้ายเราลงตรงกับวันไหน ผู้ที่ใช้บริการ ไม่เลือกวัยค่ะมีทั้งสุภาพหยาบคายและนักบุญ เคยถูกคนเมาลวนลามไม่ใส่ถุงยาง ตัวใหญ่ บังคับทุกอย่างไม่ฟังใคร แขกพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแขกของเจ้าของอาบอบ นวด ทำให้เราไม่กล้าฟ้องต้องก้มหน้าทำด้วยความขมขื่น ไม่ต้องบอกนะคะว่าทำไมไม่เลือกเดินทางอื่นมันไม่พอกินค่ะ แล้วดิฉันก็เคยโดนข่มขืนหมู่มาแล้ว ไม่มีใครตามคดีช่วยดิฉันได้เลยคิดประชดตัวเองด้วยการทำงานนี้ซะเลย แต่ก็ไม่ได้สบายดังที่คิดนัก ต่อมามีการตรวจโรคซึ่งมีเป็นประจำอยู่แล้ว ดิฉันติดเอดส์ อยู่ในขั้นแรกๆ จึงต้องหยุดงานและรักษาตัวเรื่อยมางดเหล้า งดบุหรี่ ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงทุกวัน ไปหาหมอ ได้รับคำแนะนำให้เข้าโครงการฟรี แต่ต้องดูแลตัวเองทุกเดือนต้องไปพบหมอได้รับยาฟรีในระยะปีกว่าที่รับยาผิวพรรณเริ่มแห้งมีสะเก็ดและดำคล้ำ

จึงเปลี่ยนยาและผิวพรรณก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ มีข้อเสียคือ แขน ขา ก้นจะเล็กลีบต้องทานยาวิตามินช่วยซึ่งเราต้องออกเงินซื้อเองเดือนละ1000 กว่าบาทเงินสะสมก็ร่อยหรอลง ไปจึงคิดเรียนและหางานทำแต่ก็ยังมีแขกบางคนไม่รู้ แวะเวียนมาใช้บริการที่ห้องบ่อยๆมีรายได้จากการขายตัวเดือนละ 2-3 หมื่นบาท ก็อยู่ได้ แต่แขกพิเศษที่แวะเวียนมาจะทำตัวสนิทสนมมากจนเกินไปไม่ยอมสวมถุงยาง ดิฉันก็ไม่กล้าบอกว่าเป็นอะไร ในเมื่อห้ามไม่ฟังก็ต้องยอมให้แต่โดยดี


แต่ดิฉันมีความไม่สบายใจมากๆ เวลาผ่านไป 3-4 เดือนต้องคอยหนีย้ายหอพัก เพราะหากเขารู้ว่าเป็นโรคอาจจะคิดว่าติดกับดิฉันก็ได้หรือพฤติกรรมเขาอาจจะติดกับที่อื่นๆ ก็ได้เพราะบางคนในระยะที่ทำงานนวด อยู่นั้น เขาเป็นโรคแล้วก็เปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อยๆ หากแขกต้องการไม่สวมถุงยาง เขาจะตามใจทันที เขาสมน้ำหน้าที่ไม่ระวังเอง ทุกคนที่เที่ยวต้องระวังนะคะเรื่องจริงทีเดียว ส่วนดิฉันก็เดือดร้อนต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ แขกที่สวมถุง ดิฉันก็ให้ที่อยู่ใหม่และให้หาแขกหรือเพื่อนมาเพิ่ม ทำให้รายได้อยู่ในระดับเดิมแต่ในระยะหลังๆ คุณภาพชีวิตของดิฉันดีขึ้นสุขภาพดีจนเกือบปกติ รับแขกได้มากและแขกก็สวมถุงยางทุกคนทุกครั้งยกเว้น แขกใหม่ ที่เพื่อนแขกแนะนำมาซึ่งใช้บริการดิฉันมาเกือบครึ่งปีแล้ว นัดดิฉันไปเที่ยวตากอากาศชายทะเล ที่ ระยองบอกว่าจะ มีเพื่อนอีก 3 คนไปด้วย ให้ราคาดี ดิฉันจึงไปกับเขา เขาจะให้ดิฉัน ดื่มเหล้าดิฉันก็ไม่ดื่ม เพราะไม่ถูกกับโรคเวลาทานยา ต้องเข้าห้องน้ำแอบทาน เขาเมามายและหื่นมากๆ ร่วมกับดิฉันนัวเนีย ไปหมดพร้อมกัน

ทีมา     http://thaidailyhotnews2016.blogspot.com/2017/06/blog-post_36.html?m=1

Comments